NC Fiction Contest : Gudomana : วิหก-วานร-มัจฉา - NC Fiction Contest : Gudomana : วิหก-วานร-มัจฉา นิยาย NC Fiction Contest : Gudomana : วิหก-วานร-มัจฉา : Dek-D.com - Writer

    NC Fiction Contest : Gudomana : วิหก-วานร-มัจฉา

    ถ้าพวกสัตว์ที่เคยเป็นเพื่อนกัน กลับกลายเป็นศัตรูกันละ?

    ผู้เข้าชมรวม

    886

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    886

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ม.ค. 53 / 21:06 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    จริงๆแล้วผมไม่รู้ข่าวนี้หรอก แต่พี่หนุ่ย (พี่น้ำโขง)

    ส่งข่าวมาผมเลย ได้เขียนเรื่องนี้อะครับ

    ตอนแรกๆ นึกว่าจะปั่นไม่ทันแล้ว แต่ดวงดี เลื่อนไปวันที่ 18

    ยังไงผมก็ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะครับ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีกลุ่มสัตว์ตัวน้อยๆ ที่ประกอบด้วยมัจฉา วานร และวิหค ซึ่งทั้งสามเป็นเพื่อนรักกัน และด้วยความที่ทั้งสามเป็นสิ่งมีชืวิตที่เยาว์วัย ทุกครั้งที่เกิดเรื่องพวกมันทั้งสามจะคอยช่วยกันตลอด เมื่อมีบางสิ่งที่อาจเป็นอันตรายมาทางวารี เจ้ามัจฉาจะคอยเตือนภัยแก่เพื่อนๆของมัน หากเมื่อสิ่งมีชีวิตล่องลอยบนอากาศที่อาจเป็นอันตาย เจ้าวิหคจะคอยส่งสัญญาณให้เพื่อนๆของมัน และเมื่อมีสิ่งมีชีวิตที่อาจเป็นอันตรายคืบคลานหรือย่องเข้ามา วานรจะตะโกนก้องกังวาลไปทั่วพนาไพร

       

      ชีวิตของพวกมันมีความสุขเรื่อยมา จนวันหนึ่งพญาราชสีห์แห่งพงไพร ได้ไปปรึกษากับพญาอินทรีย์เจ้าแห่งท้องฟ้า ด้วยว่าทั้งสองต่างไม่เคยได้กินสัตว์ทั้งสามนี่เลย เนื่องจากความสามัคคีอันเหนียวแน่นของพวกมันที่จะคอยช่วยเหลือกันซึ่งกันละกันในการเตือนภัยทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ

       

      ดูซิ พวกนี้อยู่ มันก็ได้แต่คอยขัดขวางการออกล่าของข้าพญาราชสีห์บ่นขึ้นมา

      ใช่...ข้าเห็นด้วย เจ้าวิหคตัวจ้อยนั้นได้แต่ป่วนข้า ข้าก็อดได้กินอาหารอย่างโอชา พญาอินทรีย์ตอบ

      เอางี้ไหมละท่าน พวกเราไปทำให้พวกมันแตกคอกัน และตอนนั้นแหละคือเวลาที่พวกเราจะได้กินพวกมันพญาราชสีห์เสนอขึ้นมา

      ช่างเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจซะทีเดียว เอาเป็นว่าข้าก็มีวิธีที่ทำให้พวกมันแตกคอกันแล้วละพญาอินทรีย์กล่าว

       

      ทั้งสองใช้เวลาปรึกษาหารือกับวิธีการยุให้สหายทั้งสามเกิดความขัดแย้งกัน และแล้วรุ่งอรุณมาถึง พญาทั้งสองก็ได้เริ่มแผนการของตน  มันไปดักบนเส้นทางที่เชื่อว่าวานรต้องผ่านมา พวกมันรอจนกว่าจนกว่าจะเห็นเงาของวานร ในที่สุดแผนการของพวกมันก็เริ่มขึ้น

       

      เออ...ท่านช่วงนี้ข้าได้ยินว่าเจ้าวิหคและมัจฉาหารือกันพญาอีนทรีย์กล่าว

      หารือว่าเยี่ยงไรละท่าน พญาราชสีห์เอ่ยถาม

      ข้าได้ยินว่าเจ้ามัจฉากับวิหคพูดไว้ว่า ไอ้เจ้าวานรวันๆก็ดีแต่ทำตัวขี้เกียจซุกซน ห้อยโหนอยู่ตามต้นไม้ดูซิถ้ามันไม่ได้พวกเราคอยดูแลมันจะอยู่ยังไงพญาอินทรีย์ตอบ

      ข้าไม่นึกเลยว่าพวกนี้จะมีเบื้องหลังขนาดนี้ พญาราชสีห์พูดออกมา

       

      ทั้งสองจากเดินลับไปจากดวงตาของวานร วานรแทบไม่เชื่อเนื้อความของบทสนทนาที่ได้ยิน มันถึงกับยืนราวกลับถูกสาบไว้ ในขณะเดียวกันแผนการของพวกพญาทั้งสองก็ได้ดำเนินต่อไป คราวนี้มันมายังบ่อน้ำเล็กๆที่มีต้นไม้นานาพันธ์ล้อมไว้

       

      ท่านรู้ไหมว่าข้าได้ยินอะไรมาพญาราชสีห์เกริ่นขึ้นมา

      แล้วท่านได้ยินอะไรมาเรอะ ถึงทำเสียงเช่นนั้น?” พญาอินทรีย์ออกปากถาม

      ข้าได้ยินมาว่าวานรและวิหคคุยกันว่า เจ้ามัจฉาได้แต่อยู่ในวารี ขึ้นมาบนบกเมื่อไร ก็ต้องกระสับกระส่ายหาทางลงไปในน้ำอีก มิเช่นนั้นมันต้องตายหากอยู่นานไป ถ้าไม่ได้พวกเราดูแลมัน เจ้านี่คงถูกกินไปนานแล้วพญาราชสีห์เล่าให้ฟัง

      โอ้ว...ข้าไม่เคยนึกเลยนะว่า พวกมันจะคิดต่อเพื่อนแบบนี้ พญาอินทรีย์กล่าวตอบ

       

      ทั้งสองเดินหายไปจากสายตาของมัจฉาที่อาศัยอยู่ใต้วารีซึ่งได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็สั่นไปด้วยความกลัวและโกรธ และแล้วแผนการของพญาทั้งสองก็ดำเนินการมาที่อยู่ของวิหคซึ่งกำลังงีบอย่างสบายใจ พญาทั้งสองทำท่าทีเดินไปใต้ต้นไม้ก่อนจะเริ่มบทสนทนาของพวกมัน

       

      นี่ๆ ท่านรู้ไหมเมื่อครู่นี้ข้าได้ยินบทสนทาของมัจฉากับวานรนินทาว่าร้ายด้วยแหละพญาอินทรีย์เอ่ยขึ้น

      แล้วพวกนั้นกล่าวว่าอย่างไรละพญาราชสีห์ทำท่าทีถาม

      มันบอกว่าเจ้าวิหค ตัวจิ๋วนั่น วันๆก็ได้แต่บินไปบินมา ตัวก็เล็กโดนแค่พวกข้าจับไปมันก็ตายแล้วละพญาอินทรีย์ตอบ

      นั่นซินะ เจ้าพวกนั้นก็กล่าวถูก และข้าก็ไม่เคยนึกเลยว่าพวกมันจะนินทาว่าร้ายเพื่อนขนาดนี้ พญาราชสีห์กล่าวตามบทที่ถูกเขียนไว้ ก่อนที่จะเดินไปจากต้นไม้นี่เงียบๆ และแล้วหลังตะวันตกดินเพื่อนสนิททั้งสามต่างมาพบกันที่บ่อน้ำของมัจฉา ด้วยสายตาที่ต่างเคร่งเครียด

       

      ข้ามีเรื่องจะถามพวกเจ้าทั้งสองวานรถามขึ้นมา

      เจ้า คิดว่าในกลุ่มพวกเราใครเก่งสุดวานรถามต่อ คำถามนี้ทำให้สัตว์ทั้งสองต่างครุ่นคิดไปตามๆกันก่อนที่มัจฉาจะเอ่ยขึ้นมา

      ต้องข้าซิ ข้าน่ะสามารถอาศัยในวารีได้ ที่กำบังของข้ามีมากกว่าพวกเจ้าอีก 

      เชอะ..แต่เจ้าน่ะแค่เจอตะเข้หรือพญาอินทรีย์ เจ้าก็เป็นมื้อเย็นอันโอชาของพวกมันแล้วละวานรแย้ง

      ต้องข้าซิ คล่องแคล่วว่องไวที่สุดในหมู่พวกเราแล้ววานรเสนอตัว

      เหอะ อย่างเจ้าถ้าไม่มีต้นไม้ เจ้าก็เป็นแค่สัตว์ป่าธรรมดาๆ ตัวนึงวิหคออกปากขึ้นมา

      ต้องข้าซิสามารถเหาะเหินบนอากาศได้วิหคอ้าง

      ไม่เลยอย่างเจ้าน่ะ ถ้าเจอสัตว์ที่บินเร็วกว่า เจ้าก็คงไม่รอดหรอกมัจฉาเถียงกลับ

      ทั้งสามเถียงกันข้ามคืนโดยมิได้บทสรุปอะไรเลย และแล้วเมื่อตะวันปรากฏมา ณ ขอบฟ้า เหล่าสัตว์ป่าน้อยใหญ่ตื่นจากนิทรา เหล่าพญาทั้งหลายเริ่มทำการออกล่าเหยื่อ และแล้วพญาอินทรีย์และพญาราชสีห์เริ่มเคลื่อนไหวร่างกายของมัน วันนี้แผนแตกแยกสามเกลอของพวกมันได้ผลจริง เพราะทั้งวานร มัจฉาและวิหค ต่างก็ไม่มาประจำที่เพื่อคอยตรวจตราความปลอดภัยให้ซึ่งกันและกันเหมือนที่เคย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสแสนดีของทั้งพญาราชสีห์และพญาอินทรีย์ที่จะพิชิตชัยเสียที

      เป้าหมายที่พวกมันเล็งไว้คือกว้างขวางคอของพวกมัน พญาราชสีห์เร่งฝีเท้าไปยังวานรที่กำลังนั่งอยู่บนก้อนหินเล็กๆที่อยู่ใกล้กับบ่อน้ำของมัจฉา พญาราชสีห์กระโจนเข้าไปกัดบนร่างอันเล็กๆของวานรก่อนจะเริ่มกัดกินมันทีละน้อย ในขณะเดียวกันพญาอินทรีย์ที่ไล่ล่าวิหคตัวจิ๋ว ด้วยความเร็วของมันทำให้มันมิสามารถหลบหนีเหมือนแต่ก่อนมันจึงกลายเป็นอาหารอันโอชะของพญาอินทรีย์ไป

      เหลือมัจฉาตัวน้อยที่ได้อยู่แต่ในวารี สหายที่ช่วยเหลือมันล้วนแต่กลายเป็นอาหารอันโอชะไปเสียแล้ว เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวที่วานรเป็นคนเริ่มและคำยั่วยุของเหล่าพญาทั้งสองและสิ้นความคิดของมัน มันก็รู้สึกว่าภาพที่มันเห็นกำลังหายไป....

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×